เมนู

พรรณนาคาถาที่ 13


พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงสมบัติคือความเป็นพระราชาของ
เทวดาและมนุษย์ ที่บุคคลพึงได้ด้วยบุญญานุภาพ ด้วยคาถานี้อย่างนี้แล้ว
บัดนี้ เมื่อทรงทำสมบัติที่ตรัสด้วยสองคาถาไว้ข้างหน้าโดยย่อจะทรงแสดงสมบัติ
คือพระนิพพาน จึงตรัสคาถานี้ว่า
สมบัติของมนุษย์ ความยินดีอันใดในเทวโลก
และสมบัติคือพระนิพพานใด ข้อผลทั้งหมดนั้น อัน
บุคคลย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้.

พรรณนาบทของคาถานั้น มีดังนี้ ชื่อว่า มานุสี เพราะเป็นของ
มนุษย์ทั้งหลาย มานุสีนั่นแล ชื่อว่า มานุสีกา. ความถึงพร้อมชื่อว่า
สมบัติ . โลกของเทวดาทั้งหลาย ชื่อว่า เทวโลก. ในเทวโลกนั้น. บทว่า ยา
เป็นการถือเอาไม่มีเหลือเลย. ชื่อว่า รติ เพราะยินดีด้วยสมบัติที่เกิดภายในหรือ
เป็นเครื่องอุปกรณ์ภายนอก. คำนี้เป็นชื่อของสุขและวัตถุเครื่องให้มีสุข. คำว่า
ยา เป็นคำแสดงความที่ไม่แน่นอน. ศัพท์ มีความว่ารวมกับสมบัติทั้งปวง.
พระนิพพานนั้นแล ชื่อว่า สมบัติคือพระนิพพาน.
ก็การพรรณนาความ มีดังนี้ ด้วยบทว่า สุวณฺณตา เป็นต้น
สมบัติและความยินดีนั้นใด ตรัสไว้ว่า มานุสิกา จ สมฺปตฺติ เทวโลเก
จ ยา รติ
สมบัติของมนุษย์ และความยินดีใดในเทวโลก. สมบัติและ
ความยินดีนั้นทั้งหมด และสมบัติคือพระนิพพาน ที่บุคคลพึงบรรลุโดยเป็น
พระอริยบุคคล ที่เป็นสัทธานุสารีเป็นต้น อื่น ๆ อิฐผลดังกล่าวมานี้ที่ตรัส
เป็นที่สาม พึงทราบว่า อิฐผลทั้งหมดนั้นอันบุคคลย่อมได้ด้วยบุญนิธินี้.
อีกนัยหนึ่ง สมบัติของมนุษย์อันใด ที่มิได้ตรัสไว้ก่อนด้วยอิฐผลมีความ
มีวรรณะงามเป็นต้น และต่างโดยความรู้ความฉลาดเป็นต้น ซึ่งท่านแสดง